เครื่องพ่นสีที่เชื่อมต่อกับระบบ BIM ของอาคาร: ก้าวใหม่ของงานพ่นสีที่ผสานข้อมูลและโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน

 

ในรอบสิบปีที่ผ่านมา วงการก่อสร้างต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัล ตั้งแต่การออกแบบ การวิเคราะห์โครงสร้าง การบริหารงานโครงการ ไปจนถึงการส่งมอบงาน อาคารยุคใหม่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากการคำนวณหรือแบบก่อสร้างบนกระดาษเพียงอย่างเดียว แต่ถูกประกอบขึ้นมาจาก “ข้อมูล” หรือ Data-Driven Construction ซึ่งเป็นแนวคิดที่เข้ามาเสริมความแม่นยำ ลดความสูญเสีย และเพิ่มมูลค่าตลอดวงจรชีวิตอาคาร

หนึ่งในเทคโนโลยีที่มีบทบาทสูงสุดในปรากฏการณ์นี้คือ BIM – Building Information Modeling ซึ่งเป็นระบบที่รวมแบบจำลองอาคารเชิงดิจิทัลเข้ากับข้อมูลจริง ตั้งแต่โครงสร้าง วัสดุ ท่อไฟฟ้า ระบบน้ำ ความหนาของผนัง ไปจนถึงสภาพการใช้งานในอนาคต

แต่ในขณะที่ BIM พัฒนาอย่างรวดเร็ว เครื่องมือบางกลุ่มในไซต์งานกลับเคลื่อนไหวช้ากว่า หนึ่งในนั้นคือ เครื่องพ่นสี (Paint Sprayer) ซึ่งแม้จะมีการพัฒนาในเชิงฮาร์ดแวร์ ระบบแรงดัน ความสม่ำเสมอละออง และความปลอดภัย แต่ก็ยังไม่เคยถูกเชื่อมโยงเข้ากับข้อมูลระดับอาคารอย่างแท้จริง

ทว่าในยุคปัจจุบัน ภาพดังกล่าวกำลังเปลี่ยนไปด้วยแนวคิดใหม่:
เครื่องพ่นสีที่เชื่อมต่อกับระบบ BIM ของอาคาร”
เครื่องมือพ่นสีที่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงฉีดสีอีกต่อไป แต่สามารถรับ-ส่งข้อมูลกับโมเดลอาคาร ช่วยวางแผน ควบคุม ตรวจสอบ และบันทึกงานพ่นสีแบบเรียลไทม์ เป็นเสมือนแขนขาอัจฉริยะของผู้รับเหมาและสถาปนิกในโลกดิจิทัลแห่งการก่อสร้าง

บทที่ 1: การเชื่อมต่อเครื่องพ่นสีเข้ากับ BIM คืออะไร?

การเชื่อมต่อระหว่าง เครื่องพ่นสี (Smart Spray Gun / Smart Paint Sprayer) และ BIM หมายถึงกระบวนการที่เครื่องพ่นสีสามารถ:

  1. ดึงข้อมูลจากโมเดล BIM เช่น
    1. ความหนาของชั้นสีที่ต้องการ
    1. ประเภทของสีที่กำหนดในสเปค
    1. พื้นที่ที่จะพ่น
    1. ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
    1. ลำดับขั้นตอนงาน (Painting Sequence)
  2. ส่งข้อมูลกลับเข้าสู่ BIM เช่น
    1. ปริมาณสีที่ใช้จริง
    1. ความหนาของฟิล์มสี (DFT) หลังพ่น
    1. เวลาเริ่ม-สิ้นสุด
    1. การกระจายตัวของละอองสี
    1. ความผิดปกติของปืนหรือหัวฉีด
    1. บริเวณที่ยังพ่นไม่ครบหรือทับซ้อนเกินเกณฑ์
  3. ทำงานร่วมกับระบบ IoT และ AI เพื่อประเมินผล ตรวจสอบมาตรฐาน และสรุปผลคุณภาพของงาน

กล่าวคือ เครื่องพ่นสีรุ่นใหม่นี้ทำหน้าที่เสมือน “เซนเซอร์” และ “ผู้บันทึกข้อมูลภาคสนาม” ในเวลาเดียวกัน ไม่เพียงแต่ช่วยในด้านความสะดวก แต่ยกระดับงานพ่นสีสู่ระบบที่ตรวจสอบได้ ประเมินได้ และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ทุกขั้นตอน

บทที่ 2: องค์ประกอบสำคัญของเครื่องพ่นสีที่เชื่อมต่อกับ BIM

เครื่องพ่นสีที่สามารถทำงานร่วมกับ BIM ได้ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบทางเทคโนโลยีหลายด้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการผสมผสานระหว่าง IoT, AI, Sensor Technology และระบบ Cloud ดังนี้:

1. โมดูลเซนเซอร์วัดความหนาสีแบบ Real-Time

ติดตั้งบริเวณหัวพ่นหรือปลายท่อพ่น ทำหน้าที่วัดค่าต่าง ๆ ได้แก่:

  • ความหนาฟิล์มสีเปียก (WFT – Wet Film Thickness)
  • ความหนาฟิล์มสีแห้ง (DFT – Dry Film Thickness)
  • การกระจายความสม่ำเสมอ
  • อุณหภูมิผนัง
  • ความชื้นรอบตัว

ข้อมูลเหล่านี้ถูกส่งกลับไปยัง BIM เพื่อตรวจสอบว่าเป็นไปตามสเปคหรือไม่

2. ระบบตำแหน่งแบบ Indoor GPS หรือ UWB

ช่วยให้เครื่องพ่นรู้ตำแหน่งบนผนังหรือเพดานแบบละเอียด ทำให้:

  • พ่นสีได้ตามพื้นที่ในโมเดล BIM
  • บันทึกผลเป็นแผนที่สีว่า “บริเวณใดพ่นแล้ว”
  • รายงานจุดที่ยังไม่ครบหรือทาทับเกิน

3. การเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi / 5G หรือ Mesh Network

ทำให้เครื่องพ่นสามารถ:

  • รับคำสั่งจากโมเดล BIM
  • ส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์แบบทันที
  • อัปเดตโมเดล BIM หลังเสร็จงานแต่ละช่วง

4. ระบบแนะนำการทำงานด้วย AI

AI สามารถช่วยด้านต่าง ๆ เช่น:

  • คำนวณความเร็วการพ่น
  • ปรับแรงดันและรูปแบบการกระจายละออง
  • แจ้งเตือนการทับซ้อนของสี
  • คาดการณ์ปริมาณสีที่ต้องใช้
  • เตือนว่า “พ่นไม่ครอบคลุม” หรือ “พ่นหนาเกินไป”

5. การทำงานร่วมกับ BIM ผ่าน API

เครื่องพ่นต้องมีระบบ API หรือ Plug-in ที่ทำให้:

  • อ่านข้อมูลจากโมเดล Revit, ArchiCAD, Navisworks
  • อัปเดตข้อมูลงานพ่นกลับเข้าไปในโมเดล
  • สร้างข้อมูล As-built Painting ที่ครบถ้วน

บทที่ 3: วงจรการทำงานของเครื่องพ่นสีที่เชื่อมต่อ BIM

กระบวนการทำงานสามารถอธิบายเป็น 6 ขั้นตอนหลัก:

ขั้นที่ 1: แยกชุดข้อมูลจาก BIM

สถาปนิกหรือวิศวกรสามารถตั้งค่าดังนี้:

  • พื้นที่ที่จะพ่น
  • สีที่ใช้แต่ละพื้นที่
  • ความหนาตามสเปค
  • ลำดับการพ่น
  • เงื่อนไขเฉพาะ เช่น ไม่พ่นใกล้ท่อไฟฟ้า

ระบบจะส่งข้อมูลไปยังเครื่องพ่นทันทีที่ทีมภาคสนามเปิดเครื่อง

ขั้นที่ 2: การพ่นสีด้วยข้อมูลกำกับ

เมื่อเริ่มพ่น:

  • ระบบจะบอกว่าผู้ใช้อยู่ตรงจุดใดของผนัง
  • จะปรับแรงดันอัตโนมัติให้ตรงกับสีและพื้นผิว
  • จะแจ้งเตือนหากความเร็วการพ่นไม่เหมาะสม

ขั้นที่ 3: เก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์

เครื่องพ่นจะวัด:

  • ความหนาสี
  • ปริมาณที่ใช้
  • การทับซ้อน
  • การกระจายตัว
  • สภาพแวดล้อมขณะพ่น

และส่งกลับ BIM ทันที

ขั้นที่ 4: อัปเดตโมเดล BIM อัตโนมัติ

หลังจบการพ่นแต่ละโซน ระบบจะทำเครื่องหมายบนโมเดลว่า:

  • โซนนั้นพ่นเสร็จแล้ว
  • สีที่ใช้จริงตรงกับสเปคหรือไม่
  • มีจุดต้องแก้ไขหรือไม่

ผู้ควบคุมงานสามารถตรวจสอบได้ทันทีผ่านแท็บเล็ต

ขั้นที่ 5: ระบบรายงานผล (Painting Analytics)

หลังจบงานทั้งหมด เครื่องพ่นจะสรุป:

  • ปริมาณการใช้สีจริงเทียบกับกำหนดการ
  • จุดที่พ่นหนา/บาง
  • เวลาและแรงงานที่ใช้
  • คุณภาพและการแห้งตัว

ซึ่งทั้งหมดถูกเชื่อมโยงเข้ากับ BIM เพื่อเก็บเป็นข้อมูลตลอดอายุอาคาร

ขั้นที่ 6: ข้อมูล Maintenance สำหรับอนาคต

เมื่ออาคารต้องทำการทาสีใหม่ในอีก 5–10 ปีข้างหน้า BIM จะมีข้อมูลว่า:

  • เดิมพ่นสีอะไร
  • ความหนาเท่าไร
  • ผนังส่วนไหนสึกหรอเร็ว
  • ควรเลือกสีแบบไหนในรอบถัดไป

ช่วยลดเวลาและความผิดพลาดในงานซ่อมบำรุงได้มาก

บทที่ 4: ประโยชน์เชิงธุรกิจและเชิงเทคนิค

1. ความแม่นยำสูงกว่าการทำงานแบบเดิม

การพ่นสีตามโมเดล BIM ทำให้เกิดความแม่นยำในระดับมิลลิเมตร ไม่ว่าจะเป็นความหนาหรือการครอบคลุมของสี ช่วยลดงานแก้ไขและการสิ้นเปลืองวัสดุอย่างมาก

2. ลดต้นทุนวัสดุ 10–25%

ข้อมูลจากการทดสอบหลายโครงการพบว่า เมื่อการพ่นสีถูกควบคุมด้วยข้อมูล:

  • การทาทับเกินลดลง
  • ความผิดพลาดจากแรงดันที่ไม่เหมาะสมลดลง
  • ปริมาณสีที่ใช้ลดลงในทุกพื้นที่

ทำให้ควบคุมงบประมาณได้แม่นยำขึ้นอย่างมาก

3. เพิ่มความโปร่งใสและตรวจสอบได้

ในงานภาครัฐหรือโครงการขนาดใหญ่ ความโปร่งใสเป็นเรื่องสำคัญ การมีข้อมูลเชิงดิจิทัลช่วยให้ทุกฝ่ายตรวจสอบงานได้ง่ายขึ้นด้วยหลักฐานจริง

4. ลดเวลาทำงาน 20–40%

ด้วยระบบวางแผนพื้นที่และความเร็วอัตโนมัติ เวลาในการพ่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้โครงการเร่งขั้นตอนได้มาก

5. ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย

BIM สามารถแจ้งพื้นที่เสี่ยง เช่น พื้นที่สูง จุดที่มีแก๊ส หรือใกล้ระบบไฟฟ้า เครื่องพ่นจะเตือนผู้ใช้อัตโนมัติ

6. เพิ่มคุณภาพผลงาน

ทุกกระบวนการมีการตรวจสอบหลายชั้นโดยเซนเซอร์และ AI ทำให้งานพ่นสีมีมาตรฐานเดียวกันทั้งโครงการ

บทที่ 5: การใช้งานในโครงการจริง

1. อาคารสูงและงานด้านนอก

การพ่นสีภายนอกอาคารสูงมักมีความเสี่ยงสูง เครื่องพ่นที่เชื่อมต่อกับ BIM ช่วย:

  • แสดงตำแหน่งที่ต้องพ่นจากระเบียงหรือแพลตฟอร์ม
  • ปรับแรงดันตามสภาพอากาศ
  • บันทึกค่าความหนาสีที่ลมมีผลกระทบ

2. งานในอาคารระดับห้าง โรงงาน และสนามบิน

พื้นที่ขนาดใหญ่ต้องมีการวางแผนเป็นโซน AI สามารถช่วยแบ่งพื้นที่ตามหลักลอจิก และกำหนดเส้นทางการพ่นที่เหมาะสมที่สุด

3. งานซ่อมบำรุงอาคารเก่า

เมื่อมีข้อมูลสภาพสีเดิมใน BIM การซ่อมสีจะทำได้ตรงจุดมากขึ้น เช่น:

  • เจาะจงผนังที่เคยสึกหรอไว
  • เลือกสีที่เหมาะสมกับบริเวณที่มีความชื้นสูง
  • คำนวณปริมาณสีได้แม่นยำมาก

บทที่ 6: อนาคตของเครื่องพ่นสีในยุค BIM 5.0

ในอีก 5–10 ปีข้างหน้า แนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่:

1. เครื่องพ่นสีอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ควบคุมด้วย BIM Rod

หุ่นยนต์พ่นสีที่รู้พื้นที่จาก BIM โดยไม่ต้องมีคนถือปืน

2. ระบบจำลองการพ่นบน BIM ก่อนทำจริง

สามารถเห็นความหนา การกระจายละออง และปริมาณสีที่ใช้ก่อนพ่นจริง คล้ายซิมูเลชัน

3. BIM เชื่อมต่อกับผู้ผลิตสีโดยตรง

สเปคสีใน BIM จะถูกอัปเดตอัตโนมัติ พร้อมซัพพลายปริมาณที่จำเป็นในแต่ละช่วงงาน

4. AR Glasses สำหรับทีมพ่นสี

ช่างสามารถใส่แว่น AR แล้วเห็นว่า:

  • จุดนี้ต้องพ่นความหนาเท่าไร
  • สีอะไร
  • บริเวณไหนพ่นครบแล้ว

เป็นการทำงานแบบ “ดิจิทัลซ้อนทับโลกจริง”

5. การประยุกต์สู่ Smart Maintenance

อาคารจะมีระบบติดตามอายุการใช้งานของสีโดยอัตโนมัติ และแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องทาสีใหม่

บทสรุป: เครื่องพ่นสีที่เชื่อมต่อกับ BIM คืออนาคตของงานก่อสร้างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

เครื่องพ่นสีที่ผสานเข้ากับ BIM ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ของอุตสาหกรรมก่อสร้าง แต่คือการเปลี่ยนมุมมองต่อ “งานพ่นสี” ทั้งหมด จากงานเชิงช่างแบบดั้งเดิม สู่กระบวนการดิจิทัลที่อ้างอิงข้อมูลทุกขั้นตอน

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ:

  • งานมีคุณภาพสูงและสม่ำเสมอ
  • ใช้ทรัพยากรน้อยลง
  • การตรวจสอบทำได้ชัดเจน
  • งานซ่อมบำรุงในอนาคตง่ายขึ้นมาก
  • ยกระดับทั้งอุตสาหกรรมให้ทันสมัยขึ้นอย่างยั่งยืน

ในโลกที่อาคารทุกหลังกำลังเปลี่ยนจาก “สิ่งปลูกสร้าง” ไปสู่ “ระบบข้อมูล” เครื่องมือทุกชนิดในไซต์งานก็ต้องเดินหน้าเข้าสู่โลกของข้อมูลเช่นเดียวกัน และเครื่องพ่นสีที่เชื่อมต่อกับ BIM คือหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของการเปลี่ยนผ่านนี้

----------------------------------------------------------------------------

รีวิวและรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook
: หางาน รายได้ดี by PST
https://www.facebook.com/profile.php?id=100054608373504

: พี แมชโปร จำหน่ายรถปั๊มคอนกรีตเครื่องพ่นปูนฉาบพร้อมศูนย์ซ่อมที่มีมาตรฐาน
https://www.facebook.com/PSTgroup.pmp

: พี เอส ที ทรานสปอร์ต - บริการปั๊มคอนกรีตและเครื่องพ่นปูนฉาบ
https://www.facebook.com/PSTTransportandservice

: เครื่องพ่นปูนฉาบ by PST
https://www.facebook.com/PST.PlasteringMaching

: ช่างสีมืออาชีพ by PST
https://www.facebook.com/PSTCoolPaint

รถปั๊มคอนกรีต Everdigm by PST
https://www.facebook.com/PST.EverdigmPump

รถปั๊มคอนกรีตมือสอง by PST
https://www.facebook.com/PSTUsedPump

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การเช็ควาล์วเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง

งานช๊อตกรีต (Shotcrete)

การทำงานของระบบคลัตช์รถบรรทุก, รถปั๊มคอนกรีต