เจาะลึกเครื่องพ่นสีระบบลม (Air Spray) - ราชาแห่งงานละเอียด
เครื่องพ่นสีระบบลม หรือ Air Spray คือระบบพื้นฐานที่ใช้กันมาอย่างยาวนานและยังคงเป็นที่ยอมรับในงานที่ต้องการความละเอียดและความประณีตสูง หัวใจสำคัญของระบบนี้คือการใช้ แรงดันอากาศอัด (Compressed Air) ในการทำให้เนื้อสีแตกตัวเป็นละอองละเอียด (Atomization) ก่อนพ่นออกไปเคลือบพื้นผิว
1.หลักการทำงาน: การใช้ "ลม" สร้างละอองสี
หลักการทำงานของเครื่องพ่นสีระบบลมนั้นเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ โดยอาศัยอุปกรณ์หลัก 2 ส่วนคือ ปั๊มลม (Air Compressor) และ กาพ่นสี (Spray Gun)
- การผลิตแรงดันลม: ปั๊มลมจะอัดอากาศแล้วส่งผ่านชุดกรองและปรับแรงดันไปยังกาพ่นสี
- การแตกตัวของสี: เมื่อผู้ใช้งานพ่นสี แรงดันลมจะไหลผ่านช่องว่างที่หัวฉีด (Air Cap) ปะทะเข้ากับเนื้อสีที่ถูกดูด ทำให้เนื้อสีแตกตัวออกเป็น ละอองฝอยขนาดเล็ก
- การพ่นสี: ละอองสีที่ผสมกับอากาศจะถูกพาไปยังชิ้นงาน เกิดเป็นชั้นฟิล์มสีที่เรียบเนียนสม่ำเสมอ
2.ประเภทของกาพ่นสี (Air Spray Gun)
กาพ่นสีระบบลมแบ่งได้ตามวิธีการป้อนสี ซึ่งมีผลต่อปริมาณการใช้ลมและความหนืดของสีที่พ่นได้
- กาบน (Gravity Feed)
- ลักษณะการป้อนสี : สีไหลลงตามแรงโน้มถ่วงจากถ้วยสีด้านบน
- ความเหมาะสมของงาน : งานละเอียด, สีที่ข้นหนืดปานกลาง, ประหยัดสี
- กาล่าง (Suction Feed)
- ลักษณะการป้อนสี:ใช้แรงสุญญากาศดูดสีจากถ้วยสีด้านล่าง
- ความเหมาะสมของงาน :งานทั่วไป, งานที่ต้องการปริมาณสีมาก
- ระบบอัดแรงดัน (Pressure Feed)
- ลักษณะการป้อนสี:ใช้ถังแรงดันแยกต่างหากดันสีเข้าปืน
- ความเหมาะสมของงาน :งานอุตสาหกรรม, พ่นสีปริมาณมากต่อเนื่อง, สีที่มีความหนืดสูงมาก
3.ข้อดีและข้อเสียของระบบ Air Spray
แม้จะมีระบบพ่นสีแบบใหม่ ๆ เข้ามา แต่ Air Spray ยังคงมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่ทำให้ต้องเลือกใช้ตามความเหมาะสมของงาน
- ข้อดี (Advantages)
- คุณภาพผิวงานสูง: ให้ละอองสีที่ละเอียดมาก เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเงางามและเรียบเนียน เช่น งานเฟอร์นิเจอร์และสีรถยนต์
- ควบคุมความละเอียดได้ดี: สามารถปรับแรงดันลมและปริมาณสีได้อย่างหลากหลายเพื่อปรับให้เข้ากับประเภทสีและความต้องการของชิ้นงาน
- อุปกรณ์ราคาไม่แพง: ตัวปืนพ่นสีมีราคาเข้าถึงง่ายกว่าเครื่องพ่นสีแรงดันสูง
- ใช้ได้กับสีที่บางเบา: เหมาะกับแลคเกอร์ สีทินเนอร์เบส
- ข้อเสีย (Disadvantages)
- สีฟุ้งกระจาย (Overspray) สูง: สีที่สูญเสียไปในอากาศค่อนข้างมาก (อัตราการเกาะติดชิ้นงานต่ำกว่า Airless)
- ความเร็วในการทำงานต่ำ: พ่นงานพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ช้ากว่าระบบ Airless
- ต้องมีปั๊มลม: ต้องลงทุนในปั๊มลมและอุปกรณ์เสริม (ตัวกรองน้ำ/น้ำมัน) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- ต้องเจือจางสีมาก: สีส่วนใหญ่ต้องผสมทินเนอร์หรือตัวทำละลายให้มีความหนืดต่ำกว่า Airless
4.เคล็ดลับการปรับตั้งค่าเพื่อผลงานที่สมบูรณ์แบบ
คุณภาพของงานพ่นสีระบบลมขึ้นอยู่กับการปรับตั้งค่าที่เหมาะสม:
- แรงดันลม (Air Pressure): เป็นการปรับที่สำคัญที่สุด แรงดันต่ำ เกินไปจะทำให้สีไม่แตกตัวดี เกิดเป็นผิวส้ม (Orange Peel) แรงดันสูง เกินไปจะทำให้สีฟุ้งกระจายมาก (Overspray) และเปลืองสี ควรปรับตามคำแนะนำของผู้ผลิต (โดยทั่วไป 30-60 PSI สำหรับกาพ่นทั่วไป และ 10-20 PSI สำหรับ HVLP)
- ปริมาณเนื้อสี (Fluid Control): ควบคุมการเปิดของเข็มพ่นสี หากเปิดมากเกินไป จะได้ชั้นสีที่หนาและอาจเยิ้ม (Runs) หากเปิดน้อยเกินไป จะได้ชั้นสีที่บางและแห้งเร็วเกินไป
- รูปแบบการพ่น (Pattern Adjust): ปรับความกว้างของม่านสี
----------------------------------------------------------------------------
รีวิวและรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook
: หางาน รายได้ดี by PST
https://www.facebook.com/profile.php?id=100054608373504
: พี แมชโปร จำหน่ายรถปั๊มคอนกรีตเครื่องพ่นปูนฉาบพร้อมศูนย์ซ่อมที่มีมาตรฐาน
https://www.facebook.com/PSTgroup.pmp
: พี เอส ที ทรานสปอร์ต - บริการปั๊มคอนกรีตและเครื่องพ่นปูนฉาบ
https://www.facebook.com/PSTTransportandservice
: เครื่องพ่นปูนฉาบ by PST
https://www.facebook.com/PST.PlasteringMaching
: ช่างสีมืออาชีพ by PST
https://www.facebook.com/PSTCoolPaint
: รถปั๊มคอนกรีต Everdigm by PST
https://www.facebook.com/PST.EverdigmPump
: รถปั๊มคอนกรีตมือสอง by PST
https://www.facebook.com/PSTUsedPump


ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น