แบตเตอรี่รถยนต์ ควรเปลี่ยนตอนไหน
การเปลี่ยนแบตรถยนต์ นับว่า เป็นปัญหาระดับชาติ เพราะมีปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อ อายุแบตเตอรี่รถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการขับขี่ การใช้งานบรรทุกของหนัก ชาร์จแบตมือถือบนรถบ่อย หรือแม้แต่สภาพอากาศที่ร้อนจัดก็มีส่วนที่ทำให้แบตรถยนต์เสื่อมสภาพได้ง่าย ทำให้ไม่มีคำตอบที่ตายตัวได้ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี และจะรู้ได้อย่างไรว่า ถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่

แบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี
โดยปกติแล้ว แบตเตอรี่รถยนต์ก็เหมือนกับแบตเตอรี่ประเภทอื่นๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการชาร์จไฟ โดยประสิทธิภาพการใช้งานก็จะลดลงทุกครั้งหลังจากการชาร์จ ดังนั้น ระยะเวลาที่ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ใช้งานได้กี่ปี จึงขึ้นอยู่กับประเภทของแบตเตอรี่ที่ใช้และการดูแลอย่างเหมาะสมเป็นหลัก
แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้งที่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องอาจมีอายุการใช้งานได้นานถึง 5 ปี แต่ถ้าอ้างอิงตามการใช้งานโดยปกติแล้ว อายุของแบตเตอรี่จะอยู่ที่ประมาณ 2 ปีโดยเฉลี่ย นั่นเอง
ควรเปลี่ยนแบตรถยนต์ เมื่อไหร่
ถึงแม้ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจะสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 5 ปีดังที่กล่าวมาแล้ว แต่การใช้งานแบตเตอรี่ย่อมมีปัจจัยที่ทำให้ แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม เร็วขึ้นตามรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันไป จึงไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ทุกคันจะสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 5 ปี
แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ดูยังไง
สังเกตสัญญาณต่อไปนี้! อาการที่บ่งบอกได้ทันทีเลยว่า ถึงเวลาแล้วที่รถต้องการการ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ แล้ว ถึงแม้ว่าจะยังใช้งานได้ไม่ถึงปีครึ่งก็ตาม เพราะอาการต่อไปนี้คือ สัญญาณบ่งบอกว่า แบตเตอรี่รถยนต์อ่อน และเริ่มเสื่อมสภาพ และถ้าหากไม่ยอม เปลี่ยนแบตรถ ในเร็วๆ นี้ก็อาจจะต้องประสบปัญหารถสตาร์ทไม่ติด หรือดับกลางคัน ทำให้ต้องเสียทั้งเวลาและอาจจะเสียค่าใช้จ่ายที่มากกว่า ราคาแบตเตอรี่รถยนต์ โดยไม่จำเป็นอีกด้วย ซึ่งสัญญาณบอกอาการ แบตอ่อน ควรเปลี่ยนแบตใหม่มีดังนี้
1. รถสตาร์ทยากกว่าปกติ
เวลาที่เริ่มสตาร์ทรถในแต่ละครั้ง รู้สึกได้ว่า รถสตาร์ทติดยากกว่าปกติ แถมมีเสียงดังแชะๆ ตลอดเวลาซึ่งเป็นสัญญาณว่า ไดสตาร์ตไม่ทำงาน ขณะที่เสียงเครื่องยนต์ก็เริ่มหมุนช้า หมายความได้ว่า รถคันนี้ได้รับการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ครั้งสุดท้ายเมื่อนานมากแล้ว และแบตเตอรี่รถยนต์ลูกปัจจุบันก็เริ่มมีปัญหา ให้ลองตรวจเช็คและเตรียมตัวเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ได้เลย
2. ไฟหน้ารถไม่สว่างเท่าที่ควร
อีกอาการที่บ่งบอกได้ว่า เจ้าของรถควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ได้แล้วก็คือ แสงสว่างจากไฟหน้ารถไม่สว่างเหมือนปกติ เพราะถ้าหากพบว่า ไฟหน้ารถมีแสงน้อยลง ไม่สว่างเหมือนเดิม หมายความว่า ระบบไฟฟ้าภายในรถกำลังอ่อน ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากแบตเตอรี่รถยนต์ที่เริ่มเสื่อมนั่นเอง
3. ระบบไฟฟ้าเริ่มผิดปกติ
ถ้าระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์เริ่มทำงานผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟส่องสว่างทั้งในรถและนอกรถ, ระบบวิทยุ, เครื่องเสียง, กระจกไฟฟ้า ฯลฯ หากมีอาการทำงานช้าลง กระพริบ ติดๆ ขัดๆ รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ก็ให้สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมได้
4. สีตาแมวเปลี่ยนไป
อีกวิธีที่สามารถสังเกตได้ว่า ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เมื่อไหร่ คือสังเกตสีของตาแมวแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดโวลท์ โดยสามารถวัดได้แค่กระแสไฟ แต่ไม่สามารถวัดแรงสตาร์ทของแบตเตอรี่รถยนต์ได้ โดยตาแมวนี้จะติดมากับแบตเตอรี่รถยนต์หลายๆ ประเภท แบตเตอรี่รถยนต์แต่ละยี่ห้อก็จะมีสีของตาแมวที่แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม เจ้าของรถสามารถสังเกตสีของตาแมวตามข้อมูลบนสติ๊กเกอร์ที่ติดมากับแบตเตอรี่รถยนต์นั้นๆ ได้ว่า ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เมื่อไหร่
5. ความผิดปกติบนตัวแบตเตอรี่
ถ้าเป็นแบตเตอรี่รุ่นที่ไม่มีตาแมว เจ้าของรถก็สามารถสังเกตจากสัญญาณเตือนของรถหรือลักษณะของก้อนแบตเตอรี่รถยนต์ที่เปลี่ยนไป เช่น ตัวกรอบแบตเตอรี่มีรูปร่างบิดเบี้ยวเปลี่ยนไปจากเดิม, แผ่นธาตุภายในเกิดอาการบวม, มีของเหลวรั่วไหลออกจากตัวแบตเตอรี่, มีสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์ หรือ Check Engine เตือนขึ้นที่หน้าปัด ฯลฯ ซึ่งนับว่า เป็นอาการค่อนข้างฉุกเฉิน ควรได้รับการเปลี่ยนแบตเตอรี่อย่างเร่งด่วนนั่นเอง
6. ไดชาร์จผลิตกระแสไฟไม่เพียงพอ
จากข้อ 5 ถ้าเจ้าของรถเพิ่งเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ได้เพียง 2-6 เดือน แต่แบตเตอรี่เกิดอาการบวมผิดปกติ สันนิษฐานได้ว่า สาเหตุของการบวมเกิดจากการไดชาร์จที่ผลิตกระแสไฟป้อนระบบรถยนต์ไม่เพียงพอและเหลือกำลังกระแสไฟน้อยกว่า 13.6 โวลต์ที่จะต้องไหลกลับไปชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ เมื่อไฟที่ไดชาร์จส่งไปที่ตัวแบตเตอรี่ต่ำเกินไป จะทำให้เกิดขี้เกลือขึ้นในแบตเตอรี่หรือที่เราเรียกกันว่า คราบซัลเฟต เกาะที่แผ่นธาตุข้างในของแบตเตอรี่จนทำให้ตัวแบตเตอรี่บวมและจะเป็นฉนวนกันไฟไม่ให้เดินสะดวกด้วย
7. ไม่ได้ เปลี่ยนแบตรถยนต์ มานานแล้ว
หากมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ครั้งสุดท้ายมานานประมาณ 1 ปีครึ่งถึง 2 ปีแล้ว อาจต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ก้อนใหม่ เนื่องจากอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์กำลังใกล้หมด ยิ่งถ้าหากมีการใช้รถยนต์ในแต่ละวันตามปกติ แต่ไม่ได้เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่นานเกิน 3 ปีแล้วล่ะก็ เจ้าของรถควรรีบทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ เนื่องจากแบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานมานานเกินไปส่วนมากอาจจะคุณภาพไม่ดี และส่งผลถึงปัญหาด้านความปลอดภัยด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น