“ปูน กับ คอนกรีต” เหมือนกันหรือแตกต่าง? บทความนี้มีคำตอบ

 

“ปูน กับ คอนกรีต เป็นคำพูดที่ได้ยินในงานก่อสร้างมากที่สุด เช่น เทปูน, เทคอนกรีต, ผสมปูน หรือผสมคอนกรีต เป็นต้น ซึ่งคำที่เรียกเหล่านี้มักจะทำให้ใครหลายคนเกิดความสับสนได้ว่าปูนคืออะไร แล้วแตกต่างกันอย่างไรกับคอนกรีตก็คงไม่แปลกหากมีใครที่เกิดความสับสน เพราะปูนกับคอนกรีตถือว่าเป็นองค์ประกอบหลักของการก่อสร้างในทุกประเภท

หากใครที่กำลังสงสัยอยู่แล้วไม่รู้ว่าปูนกับคอนกรีตมีความเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ วันนี้เราจะมาช่วยคุณไขข้อสงสัยให้กระจ่างว่า ทำไมปูนซีเมนต์ถึงมีความสำคัญ และคอนกรีตจำเป็นต่อโครงสร้างอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันเลย!

 

ปูนซีเมนต์กับคอนกรีต เป็นชื่อเดียวหรือเปล่า?

หากตอบให้ตรงประเด็นมากที่สุดว่าปูนซีเมนต์กับคอนกรีตเป็นชื่อเดียวกันหรือเปล่า คำตอบคือไม่ใช่และทั้งสองมีวัตถุประสงค์ในการทำงานที่แตกต่างกัน แต่ปูนกับคอนกรีตเรียกได้ว่าคือสิ่งเดียวกัน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครหลายคนเรียกผสมกันระหว่างปูนกับคอนกรีต

ในกระบวนการก่อสร้างจะมีผู้รับเหมาหรือวิศวกรที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ดูแลในการประกอบและติดตั้ง ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างของบ้านและอาคารขึ้นมา ถือว่าเป็นงานทางด้านโยธาที่ต้องมีองค์ประกอบของการทำงานอย่าง งานคอนกรีต, งานปูนก่อฉาบ และงานอื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้อง

 

“ปูน กับ คอนกรีต” เหมือนกันหรือไม่?

อย่างที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ว่าปูนกับคอนกรีตไม่ได้ใช้ชื่อเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าทั้งคู่ไม่เหมือนกัน ทางเราจึงอยากเปรียบเทียบให้คุณได้เห็นกันแบบชัดๆ จะได้เข้าใจอย่างถูกต้องว่า ชื่อที่เรียกนี้มีหน้าที่อย่างไรและมีทั้งหมดกี่ประเภท เพื่อเป็นการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และทำให้สามารถเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของงาน

ปูนซีเมนต์ (cement) หรือที่เราชอบเรียกกันติดปากว่า ‘ปูน’ ถูกจัดว่าเป็นประเภทหนึ่งในกลุ่มเซรามิก เพราะมีหน้าที่ในการผสานทรายและหินเข้าด้วยกัน โดยวัตถุดิบหรือสารประกอบที่นำมาใช้ผลิตปูนจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

  • เนื้อปูนดิบ เป็นส่วนประกอบหลักที่มีสารแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCo3) คือ หินปูน, หินอ่อน, ดินสอพองหรือดินมาร์ล
  • เนื้อดิน ต้องมีส่วนประกอบของสารเคมีจากซิลิกา(SiO2) และอะลูมินา (Al2O3) และเหล็กออกไซด์ (Fe2O3) ที่มีอยู่ในดินดำหรือหินดินดาน
  • สารผสมอื่นๆ จะเป็นการปรับคุณภาพด้วยการใส่สารประกอบบางอย่างลงไปให้เกิดความลงตัว หรือเติมแต่งให้ปูนสามารถทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

หลังจากที่มีการเตรียมสารประกอบเอาไว้แล้ว จะเข้าสู่กระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ ที่ต้องทำการเผาวัตถุดิบต่างๆ ให้กลายเป็นเม็ดที่มีอณูขนาดเล็กหรือกลายเป็นผงที่เราเห็นกัน ซึ่งวิธีการผลิตจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ

  • การเผาแห้ง เป็นวิธีการผลิตที่นิยมมากที่สุด และช่วยประหยัดพลังงาน เพียงแค่นำวัตถุดิบที่มีทั้งหมดเข้าหม้อบดให้กลายเป็นเนื้อเดียวกันก่อน จึงจะนำไปเผาในเตาแบบหมุน แล้วค่อยเพิ่มอุณหภูมิสูงสุดถึง 1,200 – 1,400 องศาเซลเซียส เพื่อให้ปูนแปรรูปเป็นเม็ด
  • การเผาเปียก เริ่มจากการนำดินมาผสมกับน้ำในอัตราที่เหมาะสม แล้วทำการบดให้ละเอียดจนได้น้ำดินออกมาก่อน จะสามารถทำการปรับหรือใส่สารเติมแต่งเพื่อให้ได้ปูนที่มีคุณภาพ เตาเผาจะมีลักษณะที่เอียงเล็กน้อยและหมุนตัวด้วยอุณหภูมิ 1,480 องศาเซลเซียส
  • การเผาทั้งแห้งและเปียก จะเป็นการผลิตที่ผสมผสานทั้งแบบแห้งและเปียก จากการนำวัตถุดิบทั้งหมดมาบดก่อน แล้วค่อยทำการผสมน้ำเพิ่มลงไป จึงจะสามารถนำไปเข้าเตาเผาได้

 ทุกขั้นตอนของการก่อสร้างจะขาด ‘ปูนซีเมนต์’ ไปไม่ได้ เพราะปูนเป็นส่วนประกอบหลักที่ทำให้กลายเป็นสิ่งปลูกสร้างขึ้นมา โดยปูนซีเมนต์จะมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ที่เราสามารถเห็นได้ตามสถานที่ก่อสร้างหรืองานต่อเติม คือ

ปูนงานโครงสร้าง

ความสำคัญของการก่อสร้างบ้านหรืออาคาร จำเป็นต้องใช้ปูนงานโครงสร้างหรือปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เพราะเกี่ยวข้องกับงานโครงสร้างโดยตรง สามารถทำให้มีความแข็งแรงและทนทาน เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยตามความเหมาะสมกับพื้นที่หน้างาน จึงทำให้ปูนงานโครงสร้างมีทั้งหมด 5 ชนิด

  • ปูนปอร์ตแลนด์ธรรมดา จะสามารถเห็นได้จากการก่อสร้างทั่วไป เช่น ทำพื้น, ทำเสา และทำคาน เป็นต้น ถ้าหากต้องการให้โครงสร้างมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น สามารถใช้คู่กับโครงเหล็กได้
  • ปูนปอร์ตแลนด์ดัดแปลง ใช้กับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ และอยู่ในบริเวณที่มีโอกาสสัมผัสกับความด่างของเกลือทั้งน้ำหรือดิน อย่าง ฐานราก, สะพานเรือ และตอม่อ เป็นต้น
  • ปูนให้กำลังอัดสูง เป็นปูนที่ตอบโจทย์กับโครงสร้างขนาดเล็กหรือกลาง เช่น พื้นหรือเสาไฟฟ้า แต่ไม่เหมาะกับโครงสร้างขนาดใหญ่ เพราะปูนที่แห้งอย่างรวดเร็วจะส่งผลกระทบทำให้เกิดรอยแตกได้ง่าย
  • ปูนความร้อนต่ำ เหมาะสำหรับโครงสร้างขนาดใหญ่ อยู่ในพื้นที่มีโอกาสสัมผัสกับน้ำโดยตรงอย่างเขื่อนกั้นน้ำ เพราะความสามารถของปูนจะทำให้เกิดความร้อนต่ำ ไม่ทำให้คอนกรีตเกิดรอยร้าวได้ง่าย
  • ปูนต้านทานซัลเฟต เป็นปูนที่มีความต้านทานต่อเกลือซัลเฟต เหมาะสำหรับสิ่งปลูกสร้างใกล้กับทะเลหรือพื้นที่มีดินเค็ม เพื่อลดโอกาสในการผุกร่อนของคอนกรีต

ปูนงานก่อและฉาบ

เป็นปูนที่มีกำลังน้อยกว่าปูนงานโครงสร้างหรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ปูนงานตกแต่ง’ จึงมีหน้าที่สำหรับการก่อและฉาบเท่านั้น แต่มีคุณสมบัติของการยึดเกาะอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการก่ออิฐหรือฉาบพื้นกับผนังให้เรียบเนียน

  • ปูน Masonry เหมาะสมกับการฉาบผนัง เพราะมีส่วนผสมที่ทำให้ปูนมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ช่วยให้งานฉาบเนียนสนิท ไร้กังวลกับรอยแตกหรือลอก
  • ปูนผสม สามารถใช้กับงานก่อ, งานฉาบ และสร้างคอนกรีตขนาดเล็กได้ มีความสามารถในการยึดเกาะได้ดี และเวลาปล่อยให้แห้งก็ไม่ทำให้คอนกรีตแตก
  • ปูนสำเร็จรูป มีการทำงานที่คล้ายกับปูนผสมที่สามารถก่อและฉาบได้ แต่มีวิธีในการผสมปูนง่ายกว่า เพียงแค่เติมน้ำลงไปในปริมาณที่พอเหมาะวิธีสร้างคอนกรีตจะมีประโยคที่เราได้ยินคุ้นหูกันมากที่สุดคือ ‘ผสมปูน’ ที่มีส่วนประกอบสำคัญอย่างปูนซีเมนต์, ทราย, หิน และน้ำ เพื่อแปรสภาพของแข็งให้กลายเป็นของเหลว จะได้สะดวกต่อการนำไปหล่อหรือเทในพื้นที่ และรอให้แห้งสนิทจนแข็งกลายเป็นคอนกรีต ซึ่งอัตราส่วนในการผสมจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของสิ่งปลูกสร้าง จึงทำให้คอนกรีตมีหลายประเภท

    ประเภทของคอนกรีตแบบเบื้องต้น

    • คอนกรีตทั่วไป เป็นคอนกรีตมาตรฐานที่ใช้กับงานโครงสร้างทั่วไป สามารถทำเป็นพื้น, เสา และคานได้ โดยกำลังอัดของคอนกรีตจะอยู่ที่ประมาณ 180 ถึง 400 ksc
    • คอนกรีตผิวเรียบ เน้นเรื่องของความสวยงาม เพราะเป็นคอนกรีตที่ทำให้ผิวสม่ำเสมอและเรียบเนียน ไม่มีรูของฟองอากาศหรือร่องรอยของทรายที่ไม่ละเอียด
    • คอนกรีตกันซึม เหมาะสำหรับพื้นที่ต้องสัมผัสกับน้ำอย่างเป็นประจำ เช่น ห้องน้ำหรือสระว่ายน้ำ เพราะมีคุณสมบัติที่ต้านทานน้ำและช่วยยืดอายุการใช้งาน
    • คอนกรีตในน้ำ มีคุณสมบัติที่สามารถหล่อคอนกรีตใต้น้ำได้จริง และมีแรงอัดสูงสุด 380 – 450 ksc มักใช้ทำสะพานข้ามแม่น้ำ
    • คอนกรีตติดทะเล จำเป็นต้องใช้กับสิ่งปลูกสร้างที่มีระยะห่างจากทะเลไม่เกิน 15 กม. เพราะคอนกรีตมีความทนทานต่อสารซัลเฟตได้อย่างดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การเช็ควาล์วเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง

งานช๊อตกรีต (Shotcrete)

ระบบผนังหล่อในที่ โดยใช้แบบ อลูมิเนียมฟอร์มเวิร์ค