เรื่องของสีและช่างสีที่เราที่ควรรู้
เรื่องของสีและช่างสีที่เราที่ควรรู้
ในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมก่อสร้าง
อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมไม้ และอุตสาหกรรมอื่นๆ
ก็ล้วนแล้วแต่จำเป็นต้องมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของสีด้วยกันทั้งนั้น
เพื่อที่จะทำให้ชิ้นงานหรือวัสดุที่ต้องการ เกิดความสวยงามมีความคงทนในการใช้งาน
และเกิดความเป็นเอกลักษณ์ของตัวชิ้นงาน
เราจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้เรื่องสีให้ดีเสียก่อน
เพื่อที่จะได้นำสีไปใช้อย่างถูกประเภท ทำให้เกิดประโยชน์ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
เมื่อว่าด้วยเรื่องของสีแล้ว ทุกคนก็จะทราบกันดีว่า สีมีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภท
จึงจะขออธิบายเกี่ยวกับประเภทของสีหลักๆในปัจจุบันที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมต่างๆ
ดังนี้
1.สีทาบ้าน ทาอาคาร: สีประเภทนี้จะเป็นที่รู้จักกันดี
เพราะมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับทำให้ที่พักอาศัย เกิดความสวยงาม
สีทาบ้านหรือทาอาคารจะมีเนื้อสีที่เป็นสีน้ำ ซึ่งไม่ค่อยมีความหนืดหรือข้นมาก จะใช้สีประเภทนี้ในการทาหรือพ่นลงบนวัสดุที่เป็นผิวเนื้อคอนกรีต
เมื่อพ่นหรือทาสีลงบนผิวของคอนกรีต จะทำให้พื้นผิวคอนกรีตเกิดความสวยงาม
แต่จะไม่เกิดความเงางามบนพื้นผิว
2.สีน้ำมัน: สีประเภทนี้จะมีเนื้อสีที่ค่อนข้างเข้มและหนืด
จะไม่ละลายในน้ำ จำเป็นต้องใช้ น้ำมันสน ในการละลายสี
เพื่อให้สีไม่หนืดและสีละลายตัวลง แล้วนำไปทาหรือพ่นลงบนวัสดุต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่เป็นคอนกรีต ผิวเหล็ก เป็นต้น
และสีน้ำมันมักจะมีส่วนประสมของน้ำยาเคลือบเงา จะทำให้ชิ้นงานหรือวัสดุที่ถูกพ่นหรือทาเกิดความเงางาม
3.สีงานไม้: สีประเภทนี้ มักจะเป็นสีที่เมื่อพ่นหรือทาไปบนเนื้อไม้แล้วจะทำให้เนื้อไม้เกิดความเงางาม
และช่วยในเรื่องของการกันน้ำที่จะซึมเข้าเนื้อไม้
เพื่อรักษาสภาพของเนื้อไม้ให้คงทนใช้งานได้นานๆ
สีงานไม้บางชนิดก็จะเป็นสีที่พ่นแล้วโชว์ลวดลายของเนื้อไม้
4.สีงานเหล็ก: สีประเภทนี้
มักจะมีเป็นสีที่มีการผสมกันของเนื้อสีกับสารกันสนิม
เมื่อพ่นหรือทาสีชนิดนี้ลงบนผิวเนื้อเหล็กแล้ว
จะทำให้ชิ้นงานเกิดความสวยงามและรักษาสภาพของเนื้อเหล็กไม่ให้เกิดสนิม ทำให้เหล็กเกิดความคงทน
รักษาสภาพของเนื้อเหล็ก และยืดอายุการใช้งานของตัวเหล็กได้ยาวนานยิ่งขึ้น
เมื่อรู้จักประเภทของสีแล้ว
ก็มาทำความเข้าใจการทำงานของของช่างทาสี/ช่างพ่นสีกันบ้าง โดยปกติแล้วช่างสีมักจะใช้แปรงหรือลูกกลิ้งสำหรับทาสี
จุ่มลงไปในถังสีพอหมาดๆบนขนแปรงหรือลูกกลิ้ง แล้วนำแปลงหรือลูกกลิ้งที่มีสีติดอยู่มาทาลงบนวัสดุที่ต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวของคอนกรีต ผิวของเนื้อเหล็ก หรือเนื้อไม้ เป็นต้น และในส่วนการทำงานของช่างสีที่มีการทำงานโดยการพ่นสี
ก็มักจะใช้เครื่องพ่นสีเพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วทำให้การพ่นสีเสร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ซึ่งเครื่องพ่นสีที่ช่างพ่นสีใช้ ก็จะมีด้วยกันอยู่หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น
เครื่องพ่นสีสมัยเก่า ที่เรียกว่า “กาพ่นสี” จะมีกาหรือถ้วยสำหรับตักและพักเนื้อสีไว้
ก่อนที่จะพ่นโดยใช้แรงดันลมจากปั๊มลมเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนสี
เพื่อพ่นสีลงไปบนวัสดุหรือชิ้นงานที่ต้องการ ข้อดีของเครื่องพ่นสีชนิดนี้
ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ราคาค่อนข้างถูกและขนาดกะทัดรัด แต่ก็จะมีข้อเสียก็คือ
จะสิ้นเปลืองเนื้อสี เพราะเมื่อมีการใช้แรงดันลมเข้ามาช่วย
ก็จะทำให้เนื้อสีที่พ่นเกิดการฟุ้งกระจายไปกับอากาศ แต่ก็จะมีเครื่องพ่นสีสมัยใหม่ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับช่างพ่นสี
เพื่อทำให้ประหยัดเนื้อสี นั่นก็คือ “เครื่องพ่นสีระบบไร้อากาศ”
ซึ่งจะมีชุดแรงดันในตัวเครื่องในการช่วยขับเคลื่อนเนื้อสีจากถังพักสีไปตามสายหรือท่อไปยังหัวพ่น
ซึ่งเมื่อมีการพ่นสีออกมา เนื้อสีจะไม่เกิดการฟุ้งกระจายไปบนอากาศ และเนื้อสีจะไปติดอยู่บนเนื้อชิ้นงาน
ข้อดีของเครื่องพ่นสีระบบไร้อากาศ ก็คือ จะช่วยประหยัดต้นทุนของเนื้อสี
สีไม่ฟุ้งกระจายไปตามอากาศไปติดชิ้นงานอื่นที่อยู่ในระยะใกล้เคียงกัน
แต่ก็จะมีราคาที่ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับเครื่องพ่นสีสมัยเก่าที่ใช้ปั๊มลม หรือ กาพ่นสี
แต่เมื่อเทียบความคุ้มค่าในระยะยาวแล้ว
เครื่องพ่นสีระบบไร้อากาศ นับเป็น เครื่องพ่นสี สมัยใหม่ที่น่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับช่างพ่นสียุคใหม่ ทั้งช่วยประหยัดเวลาและประหยัดเนื้อสี
ช่วยลดต้นทุนและคืนกำไรได้อย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น