คอนกรีต เอาไว้สร้างบ้าน แล้วอะไรสร้างคอนกรีต?

    

คอนกรีต คือวัสดุทางวิศวกรรมที่เกิดจากการผสมกันให้เป็นเนื้อเดียวในระดับอนุภาคของวัสดุหลาย ๆ อย่าง เช่น ซีเมนต์ หินคลุก ทราย น้ำ เพื่อให้เกิดเป็นวัสดุที่สามารถจำลองคุณสมบัติความแข็งแรงของหินได้ เรามักจะเห็นคอนกรีตตามพื้นที่ ๆ มีงานก่อสร้าง เพราะคอนกรีตเป็นโครงสร้างหลักของอาคาร เป็นวัสดุหลักของงานก่อสร้าง ตั้งแต่บ้านเดี่ยวขนาดเล็ก บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ ทาวน์โฮม หอพักสูงไม่เกิน 10 ชั้น จนกระทั่งคอนโดสูงระฟ้า 30-40 ชั้น ก็ต้องใช้คอนกรีตในการก่อสร้าง

คุณสมบัติเด่นที่สุดของคอนกรีตที่ทำให้ผู้ออกแบบอาคารอย่างสถาปนิกหรือวิศวกรเลือกมาใช้งานคือ การที่คอนกรีตนั้นสามารถทนต่อแรงกดอัด (Compression) ได้สูงมาก และยังสามารถทำให้อยู่ในรูปร่างที่หลากหลายได้ตามลักษณะของแม่พิมพ์ที่ใช้ เราจึงเห็นการประยุกต์ใช้งานคอนกรีตได้มากมาย (ในอดีตมนุษย์นำหินมาสร้างที่พักอาศัยเพราะมีความแข็งแรงแต่เมื่อเกิดการพัฒนาเรื่อยมามนุษย์ต้องการความแข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน คอนกรีตจึงถูกคิดค้นและผลิตมาเพื่อทดแทนการใช้งานหินธรรมดาในการก่อสร้าง)

          แต่ในความเป็นจริงแล้วอาคารทุกประเภทตั้งแต่เล็กจนใหญ่ไม่เพียงแต่ต้องรับแรงกดที่สูงได้ดีเท่านั้น แต่ยังต้องมีความสามารถในการทนต่อแรงดึงด้วย (Tension) แต่ว่าน่าเสียดายที่คอนกรีตนั้นมีความแข็ง (Hardness) ที่ดีมากเสียจนแทบจะไม่มีคุณสมบัติที่ทนต่อแรงดึงได้ ซึ่งในกรณีนี้ผู้ออกแบบอาคารอย่างวิศวกรโยธาและนักวัสดุศาสตร์จึงกลบข้อด้อยข้อนี้ของวัสดุคอนกรีตด้วยการเสริมเหล็กเส้นที่ทำหน้าที่เป็นวัสดุเสริมแรง (reinforcement) เข้าไปเมื่อทำการก่อสร้างจริงเพื่อให้อาคารที่ถูกสร้างนั้นมีความแข็งแรง คงทน มอบความมั่นใจสำหรับผู้อยู่อาศัยได้ (กรณีที่อาคารต้องรับแรงดึง เช่น ในวันที่อุณหภูมิบรรยากาศนั้นสูงมากเสียจนทำให้คอนกรีตเกิดการขยายตัวและสร้างแรงดึงภายในเนื้อวัสดุขึ้นมาด้วย)

หากเราเพิ่มน้ำในการผสมคอนกรีตจะเป็นอย่างไร

          ถ้าเราเพิ่มน้ำเพียงแค่ 10 ลิตรต่อการผสมคอนกรีต 1 คิวบิกเมตร (Dimension W 1 m x L 1 m x H 1 m) จะส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติของคอนกรีตเป็นอย่างมาก ปัญหาหนึ่งที่ผู้จำหน่ายคอนกรีตมักจะได้เจอคือ การที่ลูกค้าต้องการลดต้นทุนวัตถุดิบคอนกรีต ด้วยการลดต้นทุนการซื้อส่วนผสมต่าง ๆ ลง ด้วยการผสมน้ำให้มากขึ้นเพื่อให้คอนกรีตที่ผสมมีปริมาตรมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลกำไรให้องค์กร แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้ส่งผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานคอนกรีตและจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งเมื่อคอนกรีตที่ผสมน้ำมากกว่าที่ควรจะเป็นนั้นถูกนำไปใช้ในงานก่อสร้างอาคารด้วยแล้ว ซึ่งผลกระทบที่มีต่อคอนกรีตที่ผสมน้ำมากกว่ามาตรฐานไปมีดังนี้

  • เพิ่มการยุบตัวของคอนกรีตอย่างน้อย 20 mm

  • ลดความแข็งแรงต่อการอัดลงอย่างน้อย 3 นิวตันต่อตารางมิลลิเมตร

  • สูญเสียเนื้อผสมที่ควรจะเป็นซีเมนต์ไป 15% เป็นอย่างต่ำ

  • เพิ่มโอกาสที่คอนกรีตนั้นจะเกิดการหดตัวที่เกินมาตรฐานความปลอดภัย 10%

  • มีโอกาสมากกว่า 50% ที่พื้นคอนกรีตที่ผสมน้ำเยอะเกินไปนั้นจะมีน้ำซึมตามพื้นคอนกรีต

  • ลดความสามารถในการทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิไปค่อนข้างมาก (การขยายตัวเมื่อคอนกรีตเผชิญภาวะอุณหภูมิสูง และหดตัวเมื่อเผชิญภาวะอุณหภูมิต่ำ)

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับคอนกรีต

  • คอนกรีตเป็นวัสดุอันดับที่ 2 รองจากน้ำที่มีการใช้งานมากที่สุดในโลก

  • อุตสาหกรรมการผลิตคอนกรีตนั้นสร้างแก๊ส CO2 ให้ทั่วโลกกว่า 5% ต่อปีถ้านับรวมกิจกรรมทุกอย่างของมนุษย์

  • สิ่งก่อสร้างด้วยคอนกรีตที่ไม่มีการใช้งานวัสดุเสริมแรงเข้ามาเสริมที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาคือ วิหารพาร์เธนอน กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ

  • จากข้อมูลทางสถิติความเสียหายที่ทำให้คอนกรีตแตกนั้น ล้วนแต่เกิดมาจากปัจจัยภายนอกที่ไม่ใช่คุณสมบัติของเนื้อวัสดุเอง

  • คอนกรีตสามารถแข็งตัวในน้ำได้และยังแข็งแรงกว่าปล่อยให้แข็งตัวในอากาศอีกด้วย

  • สูตรการผสมคอนกรีตในปัจจุบันนั้นมีมากกว่า 2000 สูตร

          เมื่อได้ทราบข้อมูลคุณสมบัติเบื้องต้นของคอนกรีตดังนี้เเล้ว ก็อย่าก่อสร้างบ้านหรืออาคารด้วยคอนกรีตที่ไม่ได้มาตราฐานเพราะอาจจะเป็นอันตรายเเก่ผู้อยู่อาศัยเเละคนรอบข้างได้ (เเนะนำ : ต้องถามผู้รับเหมาก่อนเสมอว่าจะนำคอนกรีตที่มีการผสมแบบไหนมาใช้งาน)


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การเช็ควาล์วเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง

งานช๊อตกรีต (Shotcrete)

ระบบผนังหล่อในที่ โดยใช้แบบ อลูมิเนียมฟอร์มเวิร์ค