บริหารจัดการวัสดุยุคใหม่: 3 เสาหลักสู่ "ไซต์งานไร้ความสูญเปล่า"
ในโลกของการก่อสร้างยุคใหม่ วัสดุและเครื่องจักรคือ "กระแสเลือด" ที่หล่อเลี้ยงโครงการ หากกระแสเลือดติดขัดหรือสูญเปล่า โครงการก็ติดขัดและต้นทุนก็พุ่งสูง การยกระดับการควบคุมวัสดุและอุปกรณ์จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการจัดเก็บ แต่คือการปฏิรูปกระบวนการเพื่อความรวดเร็วและผลกำไรที่ยั่งยืน

1. Inventory Management System (IMS) สำหรับไซต์งาน: คลังวัสดุอัจฉริยะ
เลิกยุคของการนับวัสดุด้วยกระดาษและปากกา การนำระบบบริหารคลังสินค้า (IMS) มาใช้ในไซต์งานขนาดใหญ่ ทำให้เราสามารถติดตามวัสดุทุกชิ้นได้แบบเรียลไทม์
- Barcode และ RFID คือกุญแจ: วัสดุชิ้นสำคัญทั้งหมดจะถูกติด Barcode หรือ RFID Tag ตั้งแต่ถูกส่งออกจากซัพพลายเออร์ เมื่อวัสดุถึงไซต์งานจะถูกสแกนเข้าสู่ระบบเพื่อบันทึก ตำแหน่งจัดเก็บที่แน่นอน และ วันเวลาที่ถูกนำมาใช้
- ลดเวลาในการค้นหา: แทนที่จะเสียเวลาหลายชั่วโมงในการค้นหาสายไฟหรืออุปกรณ์เฉพาะในกองวัสดุ ระบบจะบอกได้ทันทีว่าวัสดุชิ้นนั้นถูกเก็บไว้ที่ "โซน D ชั้น 3" ทำให้ช่างสามารถเบิกไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว
- การแจ้งเตือนอัตโนมัติ: ระบบจะเชื่อมโยงกับตารางงาน BIM 4D เพื่อแจ้งเตือนผู้จัดการโครงการเมื่อวัสดุที่ต้องใช้ในสัปดาห์หน้า มีปริมาณไม่เพียงพอ หรือ เกิดความเสียหายระหว่างจัดเก็บ ทำให้สามารถสั่งซื้อเพิ่มเติมได้ทันเวลา ลดความเสี่ยงความล่าช้าจากปัญหาวัสดุขาด
2. Total Productive Maintenance (TPM) : เครื่องจักรพร้อมรบ 100%
ความสูญเสียที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในไซต์งานคือ "เวลาการหยุดทำงาน (Downtime)" ของเครื่องจักรหลักอย่างรถเครนหรือรถขุด TPM คือกระบวนทัศน์ที่มุ่งเน้นการรักษาประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรให้สูงสุด
- คนขับคือช่างซ่อมบำรุงขั้นต้น: TPM เน้นให้พนักงานที่ใช้งานเครื่องจักร (Operator) เป็นคนแรกที่ต้องดูแลและตรวจสอบเครื่องจักรของตนเอง ก่อนเริ่มงานและหลังเลิกงาน
- ตัวอย่าง: ตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำมันไฮดรอลิก, เช็กความตึงของสายพาน, หรือทำความสะอาดตัวกรองอากาศ
- บำรุงรักษาเชิงป้องกัน: ข้อมูลที่คนขับบันทึกจะถูกรวบรวมเพื่อวางแผนการซ่อมบำรุงใหญ่ตามเวลาที่กำหนด (เช่น ทุก 500 ชั่วโมงการทำงาน) โดยไม่รอให้เครื่องจักรพังก่อน ซึ่งการซ่อมบำรุงตามแผนมีค่าใช้จ่าย ถูกกว่า และใช้เวลาน้อยกว่าการซ่อมฉุกเฉินมาก
- เป้าหมาย: ลดความเสี่ยงที่เครื่องจักรสำคัญจะพังในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของโครงการ (Critical Path) ให้เป็นศูนย์
3. Safety by Design: ความปลอดภัยที่ฝังในแบบ
Safety by Design คือการยกระดับความปลอดภัยจากการเป็น "ข้อบังคับในไซต์งาน" ไปสู่การเป็น "ปรัชญาการออกแบบ" โดยวิศวกรและสถาปนิกมีส่วนรับผิดชอบต่อความเสี่ยงในอนาคต
- มองการณ์ไกลถึงช่างบำรุงรักษา: ผู้ออกแบบต้องคิดถึงความเสี่ยงของช่างที่จะมาสร้างและซ่อมบำรุงอาคารในอีก 10-20 ปีข้างหน้า
- คำถามสำคัญ: จะติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ต้องใช้คนงานห้อยตัวได้อย่างไรโดยไม่มีจุดยึดที่ปลอดภัย?
- การใส่จุดยึดตั้งแต่ต้น: การออกแบบให้มีจุดยึด (Anchor Points) หรือทางเดินสำหรับซ่อมบำรุง (Maintenance Catwalks) ที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน ฝังอยู่ในโครงสร้าง ตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง จะถูกกว่าการมาติดตั้งเพิ่มเติมในภายหลังมาก
- ผลลัพธ์ระยะยาว: อาคารที่ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยจะมีต้นทุนในการบำรุงรักษาต่ำกว่า และที่สำคัญที่สุดคือ ลดอุบัติเหตุและความเสี่ยงต่อชีวิต ตลอดวงจรชีวิตของอาคาร
สรุป: การควบคุมวัสดุและอุปกรณ์ในปัจจุบันไม่ได้ทำเพื่อแค่ "จัดการ" แต่ทำเพื่อ ลดความสูญเปล่า (Waste) ทั้งในด้านเวลา เงิน และแรงงาน การบูรณาการทั้งสามแนวคิดนี้จะทำให้ไซต์งานของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
----------------------------------------------------------------------------
รีวิวและรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook
: หางาน รายได้ดี by PST
https://www.facebook.com/profile.php?id=100054608373504
: พี แมชโปร จำหน่ายรถปั๊มคอนกรีตเครื่องพ่นปูนฉาบพร้อมศูนย์ซ่อมที่มีมาตรฐาน
https://www.facebook.com/PSTgroup.pmp
: พี เอส ที ทรานสปอร์ต - บริการปั๊มคอนกรีตและเครื่องพ่นปูนฉาบ
https://www.facebook.com/PSTTransportandservice
: เครื่องพ่นปูนฉาบ by PST
https://www.facebook.com/PST.PlasteringMaching
: ช่างสีมืออาชีพ by PST
https://www.facebook.com/PSTCoolPaint
: รถปั๊มคอนกรีต Everdigm by PST
https://www.facebook.com/PST.EverdigmPump
: รถปั๊มคอนกรีตมือสอง by PST
https://www.facebook.com/PSTUsedPump

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น